ทศชาติชาดก ชาติที่ 10 พระเวสสันดร ทานบารมี

ทศชาติชาดก ชาติที่ 10 พระเวสสันดร

ทศชาติชาดก ชาติที่ 10 พระเวสสันดร แสดงถึงการบำเพ็ญทานบารมี คือ บริจาคทาน บริจาคทุกสิ่งอย่าง การเสียสละที่ยิ่งใหญ่ พระเวสสันดรชาดก ถูกยกให้เป็นมหาชาติ เนื่องจากชาดกเรื่องนี้ถือเป็นพระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ก่อนจะได้เป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระชาติที่ทรงบำเพ็ญบารมีครบทั้ง 10 ประการ โดยเฉพาะชาติสุดท้ายนี้ ทานบารมี ที่ทรงบริจาคทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ภรรยาและบุตร ถือเป็นการเสียสละ เป็นบารมีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บังเกิดเพื่อสร้างทานบารมี ทศชาติชาดก ชาติที่ 10 พระเวสสันดร

ในพระชาตินี้ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น พระเวสสันดร พระโอรสของพระเจ้าสัญชัยและพระนางผุสดี แห่งแคว้นสีพี เวสสันดร หมายถึง ท่ามกลางย่านค้าขาย เนื่องจากขณะที่พระนางผุสดีใกล้ประสูติได้เสด็จเที่ยวชมตลาด ก็ทรงเจ็บครรภ์และประสูติพระเวสสันดรในบริเวณนั้น ขณะเดียวกันที่พระเวสสันดรประสูติ ช้างของพระเจ้าสัญชัยก็ได้ออกลูกเป็นช้างเผือกเพศผู้ ให้ชื่อว่า ปัจจัยนาค และเป็นช้างคู่บุญพระเวสสันดร

เมื่อพระเวสสันดรเติบโตขึ้น ทรงยึดมั่นในการบริจาคทาน มักขอทรัพย์จากพระบิดามารดา เพื่อบริจาคให้แก่ประชาชนอยู่เสมอ และขอให้พระบิดาตั้งโรงทานทั่วเมือง เพื่อบริจาคอาหารและสิ่งจำเป็นแก่ประชาชน ไม่ว่าใครที่มาทูลขอบริจาคสิ่งไหน พระเวสสันดรก็ทรงบริจาคให้ทุกอย่าง เพราะเห็นว่าการบริจาคเป็นคุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งแก่ผู้รับและผู้ให้ ทั้งยังทำให้พ้นจากความโลภได้ด้วย ชื่อเสียงของพระเวสสันดรเลื่องลือไปทั่วทุกที่ว่าเป็นผู้มีจิตเมตตาแก่ผู้อื่น ทรงเห็นแก่ความสุขส่วนรวมมากกว่าส่วนตน

วันหนึ่ง เมืองกลิงคราษฏร์เกิดฝนแล้ง ประชาชนจึงพากันไปทูลพระราชาให้ส่งคนไปขอช้างปัจจัยนาค ช้างเผือกคู่บุญของพระเวสสันดร เนื่องจากช้างเผือกนี้เป็นช้างที่สามารถบันดาลให้ฝนตกได้ ก็จะทำให้พืชพันธุ์ก็จะอุดมสมบูรณ์ พระเจ้ากลิงคราษฏร์จึงส่งพราหมณ์ไปเมืองสีพี พราหมณ์ได้ทูลขอช้างปัจจัยนาค ช้างคู่บุญกับพระเวสสันดรเพื่อไปช่วยชาวกลิงคราษฏร์ พระเวสสันดรก็ทรงประทานบริจาคให้ตามที่ขอ

ชาวสีพีไม่พอใจกันเป็นอย่างมากที่พระเวสสันดรทรงบริจาคช้างปัจจัยนาคไป พากันโกรธและเกรงว่าต่อไปบ้านเมืองจะลำบาก จึงพากันไปทูลพระเจ้าสัญชัยขอให้ไล่พระเวสสันดรออกจากเมืองสีพี พระเจ้าสัญชัยไม่สามารถขัดชาวเมืองได้ จึงทรงจำใจให้พระเวสสันดรออกจากเมือง พระเวสสันดรก็ไม่ได้คัดค้าน แต่ได้ขอโอกาสบริจาคทานครั้งสุท้ายก่อนออกจากเมือง เป็นการบริจาคทาน 7 สิ่ง สิ่งละ 700 ให้แก่ประชาชนชาวสีพี

พระนางมัทรี พระมเหสีของพระเวสสันดร พร้อมโอรสและธิดา ได้ติดตามพระเวสสันดรเดินทางออกจากเมืองด้วย ระหว่างทางชาวบ้านยังตามทูลขอบริจาค พระเวสสันดรก็ได้ทรงบริจาคสิ่งของจนไม่เหลือ แม้แต่รถพระที่นั่ง

ทั้ง 4 พระองค์เดินทางมาถึงเมืองมาตุลนคร เหล่ากษัตริย์เจตราชพากันมาต้อนรับ พระเวสสันดรทรงถามทางไปเขาวงกตเพื่อไปบำเพ็ญธรรม พระเจ้าเจตราชช่วยให้เดินทางถึงเขาวงกตอย่างปลอดภัย และสั่งให้พรานป่าคอยระวังต้นทาง เพื่อไม่ให้ใครไปรบกวนพระเวสสันตรในการบำเพ็ญธรรม ยกเว้นคนจากเมืองสีพีที่จะมาพาพระเวสสันดรเสด็จกลับเมืองเท่านั้นที่ให้ผ่านเข้าไปได้

เสียสละความสุขส่วนตัว เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวมอย่างแท้จริง

บ้านทุนนวิฐ มีพราหมณ์เฒ่าชื่อ ชูชก หาเลี้ยงชีพด้วยการขอทาน และมักนำเงินไปฝากเพื่อนพราหมณ์ไว้เพราะกลัวทำหาย แต่เมื่อไปขอเงินคืน เพื่อนนั้นใช้เงินของชูชกไปหมดแล้ว จึงยกลูกสาว ชื่อ อมิตตดา ให้แก่ชูชก ด้วยความสวยของนางอมิตตดาทำให้ชูชกหลงรัก และดูแลนางในฐานะภรรยา อมิตตดาปรนนิบัติชูชกอย่างดี เป็นภรรยาที่ไม่มีขาดตกบกพร่อง ทำให้พราหมณ์ทั้งหลายต่างพากันเปรียบเทียบภรรยาของตนที่ไม่ได้อย่างอมิตตดา เหล่าภรรยาต่างพากันไม่พอใจ จึงไปต่อว่าขับไล่และทำร้ายนางอมิตตดา

นางอมิตตดาให้ชูชกไปขอโอรสธิดาของพระเวสสันดรมาเป็นข้าทาสคอยปรนนิบัติ ชูชกตัดสินใจเข้าป่าเพื่อไปพบพระเวสสันดร เมื่อไปถึงชูชกก็ได้รอให้พระนางมัทรีออกไปหาอาหารก่อน เพราะเกรงว่าความเป็นแม่จะไม่ยอมยกลูกให้ตน หลังจากที่นางมัทรีออกไปหาอาหารแล้ว ชูชกจึงได้ทูลขอบริจาคโอรสธิดาเพื่อไปปรนนิบัติรับใช้ พระเวสสันดรก็ยอมบริจาคให้แต่โดยดี และก่อนชูชกจะพาโอรสธิดาไป พระเวสสันดรได้บอกไว้ว่าตนตีค่าโอรสไว้พันตำลึงทอง แต่ธิดานั้นตีค่าไว้สูง เท่ากับทรัพย์ 7 ชีวิต 7 สิ่ง สิ่งละ 700 กับทองคำอีกร้อยตำลึง

ฝ่ายพระอินทร์เล็งเห็นว่า หากมีผู้มาขอพระนางมัทรีไป พระเวสสันดรก็จะไม่สามารถบำเพ็ญเพียรได้เต็มที่ จึงแปลงองค์เป็นพราหมณ์มาขอรับบริจาคพระนางมัทรี พระเวสสันดรก็ทรงยินดีบริจาคภรรยาให้ เมื่อได้รับบริจาคแล้ว พระอินทร์ก็ทรงกลับคืนร่างเดิม และให้พระนางมัทรีกลับคืนแก่พระเวสสันดร ทรงอนุโมทนาในกุศลแห่งทานบารมีของพระเวสสันดร ได้ทรงประกอบบุตรทารทาน ซึ่งเป็นการยอมเสียสละความสุขส่วนตัว เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวมอย่างแท้จริง

ต่อมา ชูชกหลงทางมาที่เมืองสีพี พระเจ้าสัญชัยบังเอิญเห็นพระนัดดาทั้ง 2 ก็ทรงจำได้ ชูชกรีบบอกว่า พระเวสสันดรทรงบริจาคโอรสธิดาให้เป็นข้าทาสของตน บรรดาชาวสีพีทั้งหลายต่างยิ่งไม่พอใจพระเวสสันดร แต่โอรสธิดาทรงกล่าวถึงความเสียสละ และความแน่วแน่ในการละกิเลสของพระบิดา พระเจ้าสัญชัยได้ฟังก็ยินดี ขอให้เบิกสมบัติมาไถ่ตัวพระนัดดาจากชูชก และให้จัดอาหารมาเลี้ยงดูชูชกที่นำพาพระนัดดามาถึงเมือง ชูชกนั้นโลภไม่รู้จักยับยั้ง จึงกินอาหารเข้าไปมากจนทนไม่ไหว และถึงแก่ความตาย

ขณะนั้น แคว้นกาลิงครัฐส่งช้างปัจจัยนาคคืนมา และชาวสีพีเริ่มระลึกถึงความดีของพระเวสสันดร ที่ทรงประกอบทานบารมีก็เพื่อประโยชน์ส่วนรวมไม่ใช่ส่วนตน พระเจ้าสัญชัยจึงได้สั่งให้คนไปรับพระเวสสันดรและพระนางมัทรีกลับเมืองสีพี พระเจ้าสัญชัยทรงอภิเษกพระเวสสันดรขึ้นครองเมือง พระเวสสันดรก็ยังทรงยึดมั่นในการประกอบทานบารมี ทรงตั้งโรงทานบริจาคเป็นประจำทุกวัน ชาวเมืองสีพีและบ้านเมืองใกล้เคียงก็ได้รับความเมตตานั้น ผู้คนต่างก็เอื้อเฟื้อช่วยเหลือกัน มีความสุขอิ่มเอมทั้งผู้ให้และผู้รับ

สาระสำคัญ  คติธรรม พระเวสสันดรชาดก

การประกอบคุณความดี ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น และรู้จักสละทรัพย์บริจาคทาน เสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ยึดติดกับอะไรทั้งสิ้น ถือเป็นกุศลที่ดีแก่ตนและผู้อื่น

ทศชาติชาดก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *