วัดสะพานเลือก วัดพระนอน จังหวัดจันทบุรี วัดที่มีพระพุทธไสยาสน์ในร่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สำหรับพระพุทธไสยาสน์องค์นี้ เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2540 – 2547 องค์พระนอนมีความยาว 56 เมตรเท่ากับบทพุทธคุณ (อิติปิโส) ซึ่งมี 56 พยางค์มีความสูงจากฐาน 16 เมตร ใช้งบประมาณ 90 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เกือบทั้งหมดเป็นของหลวงพ่อประสงค์ จันทสุวัณโณ เจ้าอาวาสองค์แรก ซึ่งท่านมรณะภาพ เมื่อพ.ศ. 2537
ในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ ท่านได้ทำสังฆทานแก้กรรมช่วยชีวิตคนเป็นจำนวนมาก และได้รวบรวมเงินค่าสังฆทานมาสร้างวัตถุทางศาสนา เช่น โบสถ์ วิหาร และอื่นๆ เมื่อท่านมรณะภาพ ยังเหลือเงินมากกว่า 85 ล้านบาท ชาวบ้านจึงได้บริจาคเพิ่มเติมและนำเงินมาสร้างวิหารพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ซึ่งเป็นพระประจำวันอังคาร และหลวงพ่อประสงค์ก็เกิดวันอังคาร จึงร่วมกันสร้างถวายเป็นพุทธบูชาและเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีของหลวงพ่อประสงค์
บริเวณหน้าองค์พระนอนมีพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อให้ได้สักการะบูชาเช่นกัน และภายในวิหารยังมีภาพวาดพุทธประวัติ และเหตุการณ์สำคัญขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากมาย นับว่าหลายเหตุการณ์กว่าหลายๆ วัดทั่วไป
เมรุดัดแปลงเป็นกุฏิ วัดสะพานเลือก วัดพระนอน จังหวัดจันทบุรี
ปัจจุบัน พระอาจารย์สุทับ สุเมโธ เป็นเจ้าอาวาสวัดสะพานเลือก ได้นำเมรุเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาดัดแปลงเป็นกุฏิ เจ้าอาวาสกล่าวว่า สาเหตุที่ใช้เมรุเก่ามาเป็นที่พักจำพรรษาเพราะตนมีนิสัยชอบสันโดษ ชอบปลีกวิเวก นั่งสมาธิบำเพ็ญธรรม เมื่อเห็นเมรุเก่าถูกทิ้งไม่ได้ใช้งานและบริเวณเมรุเงียบสงบดี ทางวัดก็ได้สร้างเมรุหลังใหม่ขึ้นด้วย จึงปรึกษาญาติโยมเพื่อใช้เมรุร้างเป็นกุฏิ แม้ญาติโยมจะคัดค้านก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ทำให้ญาติโยมและคณะกรรมการวัดยอมตามความตั้งใจของเจ้าอาวาส
จากนั้นจึงช่วยทำการดัดแปลงต่อเติม เช่น ต่อเติมชายคา ใช้พื้นที่บริเวณด้านข้างที่เผาศพเป็นที่นอน ใช้บริเวณหน้าเมรุเป็นที่รับแขก และใช้ลานหน้าเมรุเป็นที่ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ทำวัตรเช้า – เย็น แบบเรียบง่าย เจ้าอาวาสยังกล่าวอีกว่า การมาอยู่ที่เมรุก็เพื่อต้องการเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่วัดและพระสงฆ์ว่าอย่ามีความโลภกับวัตถุมากจนเกินไป สิ่งไหนที่เราน่าจะปรับปรุงได้ก็สมควรทำ และจะอาศัยที่เมรุร้างนี้จนกว่าจะมรณภาพและเป็นสถานที่เผาตนเองด้วย