วัดเทพนิมิตร วัดพระนอน จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2479 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2411 สมัยรัชกาลที่ 5 โดยท่านพระครูศิริปัญญามุนี (อ่อน เทวนิโก) จากวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ได้ธุดงค์มาพำนัก ณ ที่นี้ และแสดงธรรมแก่ญาติโยมในละแวกนั้น จนมีผู้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก ได้ชักชวนกันซื้อที่ดินและยกเรือนถวายเพื่อสร้างวัด
พระครูศิริปัญญามุนีได้สร้างกุฎิสงฆ์ ปลูกเป็นหมู่กุฎิล้อมหอฉัน มีที่สวดมนต์อยู่ตรงกลาง ทั้งสร้างศาลาการเปรียญ และศาลาเล็ก แล้วเสร็จประมาณ พ.ศ. 2421 – 2422 ตั้งชื่อว่า วัดเทพนิมิตร เนื่องจากจากกการก่อสร้างเสร็จเร็วราวว่ามีเทวดามาช่วยสร้าง และมอบให้พระอาจารย์ท้วม ปกครองวัดแทน
พระนอนกระจกเก่าแก่ วัดเทพนิมิตร วัดพระนอน
จุดน่าสนใจภายในวัด คือ วิหารพระนอนกระจก ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระนอน) ประดับด้วยกระจก ปูนปั้น ลงรักปิดทอง พุทธลักษณะบรรทมตะแคงขวา พระหัตถ์ขวาชันพระเศียรตั้งขึ้น พระหัตถ์ซ้ายทอดไปตามพระวรกาย พระบาทซ้ายซ้อนพระบาทขวา
พระนอนกระจก ถือเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่องค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดฉะเชิงเทรา องค์พระมีขนาดยาว 9 เมตร สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2419 โดยท่านพระครูศิริปัญญามุนี วัตถุประสงค์สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
บริเวณหน้าวิหารพระนอนกระจก มีท้าวเวสสุวรรณให้ได้สักการะบูชา และบริเวณข้างยังมีวิหารพระสังกัจจายน์ และวิหารหลวงพ่อองค์ดำ
จุดน่าสนใจอีกหนึ่งจุด คือ พระประธานที่ประดิษฐานภายในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ มีความเก่าแก่ อายุหลายร้อยปี ซึ่งพระครูศิริปัญญามุนีได้มาจากวัดทางจังหวัดราชบุรี เนื้อทองสัมฤทธิ์ลงรักปิดทอง สังฆาฏิ จีวร ลายดอกพิกุล ชาวบ้านเรียกพระประธานองค์นี้ว่า หลวงพ่อโต และนิยมบนด้วยประทัด
* ทาง RB-Thailand ได้โทรถามทางวัดถึงเวลาปิดวิหารพระนอน เนื่องจากวันที่เดินทางไปนั้นรถติด ซึ่งปกติวัดปิดเวลา 17.00 น. ทางวัดคงเห็นถึงความศรัทธาตั้งใจไปสักการะพระนอนกระจก จึงยังเปิดวิหารพระนอนไว้ให้ถึง 17.30 น. เลยได้มีโอกาสเข้าไปสักการะองค์พระนอน แต่ไม่ได้เข้าชมพระอุโบสถ เพราะทางวัดน่าจะกำลังสวดมนต์ทำวัตร
วัดเทพนิมิตร เปิดให้เข้าชมและสักการะทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. ตั้งอยู่ 495 ถนนศุภกิจ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา