วัดภูดานไห วัดพระนอน จังหวัดกาฬสินธุ์ หรือ พุทธสถานภูดานไห ชาวบ้านเรียกว่า “ถ้ำมรกต” เป็นวัดป่าที่ตั้งบนยอดเขาภูดานไห ภูเขาเตี้ยๆ วัดภูดานไหมีรอยพระพุทธบาทธรรมชาติสองรอย ทางวัดได้ทำเจดีย์ครอบไว้ แต่สามารถเข้าไปสักการะได้ ในบริเวณวัดยังมีสิ่งสวยงามซ่อนอยู่มากมาย ทั้งพระพุทธรูปหินหล่อ ปูนปั้นต่างๆ องค์พญานาค และประติมากรรมการแกะสลักหน้าผา ที่สร้างขึ้นมาได้กลมกลืนกับธรรมชาติเป็นอย่างมาก เป็นวัดที่เงียบสงบ มีความร่มรื่น เหมาะแก่การนั่งปฏิบัติธรรม
สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญพุทธบูชา วัดภูดานไห วัดพระนอน
ภายในวัดภูดานไหยังเต็มไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญเพื่อเป็นพุทธบูชามากมาย เช่น พระพุทธรูปหินแกะสลักปางประทานพรหน้าตักสามเมตร และพระเจ้าใหญ่ห้าปางห้าพระองค์ (เป็นพระยืนแกะสลักจากหน้าผา สูงประมาณ 4 เมตร
พระพุทธลีลาประทานพร สีขาว (พระยืนปูนปั้นพุทธลีลาประทานพร สูง 9 – 10 เมตร มีพญานาคภูริทัตต์ พระโพธิสัตว์นาคราช หรือพญานาคเผือก กับพญานาคราช ท้าววิรูปักข์มหาราช หรือพญานาคสีทอง พิทักษ์รักษา)
พระพุทธอินทรานิรมิต หรือ พระลับเลิศฤทธิ์ พระพุทธรูปปางมารวิชัย พระนั่งแกะสลักจากหินผา หน้าตักกว้าง 2 เมตร หน้าถ้ำพระโพธิสัตว์
พุทธะเตชะเจดีย์ หรือ พระธาตุเตโช หรือถ้ำเหล็กไหล มีพระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ (เป็นองค์ประธานในถ้ำเจดีย์) และพระพุทธรูป พระบรมฯ รอยพระพุทธบาท ประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำ ปู่เจ้าสิริสุทธะนาคะนาคราช (ปู่เจ้าศรีสุทโธ พญานาคาธิบดี 9 เศียร) สร้างรักษาด้านหน้าพระธาตุเตโช
พญาวัชรยมนาคราช ผู้เรืองฤทธิ์ หรือ พ่อปู่ นทีสีทันดร ผู้ข้ามพ้น ห้วงน้ำใหญ่ทะเลหลวง สร้างรักษาด้านข้างพระธาตุเตโช
พระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ เป็นองค์ประธานในถ้ำเจดีย์พระธาตุเตโช
พระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ พร้อมพญานาค พญาช้าง และพญาวานร แกะสลักจากก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนเดียวกันกับพระนาคปรกเก้าเศียร และพญานาคแกะสลัก
รวมไปถึงพญานาคเก้าหัว, องค์พระเจดีย์, พระเจ้าถึง 5 พระองค์
ที่น่าสนใจอีกหนึ่งจุด คือ พระพุทธนิทราบรมสุข (พระนอนหินแกะสลัก ยาว 8 เมตร สร้างเสร็จเมื่อ 24 พฤษภาคม 2563)
และพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระนอน) เป็นองค์สีเงินสวยงาม บรรทมหลับพระเนตร องค์พระสวยเด่นสะดุดตา
ประวัติความเป็นมาวัดภูดานไห พุทธสถานภูดานไห จังหวัดกาฬสินธุ์
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2550 องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ได้เดินธุดงค์มายังสถานที่แห่งนี้ ซึ่งแต่ก่อนเป็นสถานที่ป่ารกร้าง แห้งแล้ง ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ในปีนั้นแล้งมาก ชาวบ้านไม่มีน้ำพอทำนา และพอชาวบ้านได้รู้ว่ามีพระมาอยู่จำพรรษาที่ภูดานไห ก็อธิษฐานว่า “หากพระที่มาอยู่จำพรรษา เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ขอให้ฝนตกลงมา ขอให้มีน้ำทำนา” ปรากฏว่าวันแรกที่ท่านมาถึงสถานที่นี้ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก จนชาวนามีน้ำเพียงพอในฤดูทำนาปีนั้น หลังจากนั้นพื้นที่แห้งแล้ง ก็ค่อยๆ มีป่าสมบูรณ์ขึ้นมา
แต่ก่อนนั้น แม้แต่พระพุทธรูปองค์เล็กๆ สักองค์ก็ไม่มีให้กราบไหว้บูชา องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ท่านได้วาดภาพพระพุทธเจ้า เอาไว้กราบไหว้บูชา ยามไหว้พระสวดมนต์ ทำวัตร ได้แต่คิดในใจว่า “ถ้ามีวาสนา มีโอกาส จะสร้างพระพุทธรูปให้เต็มวัด” ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันที่ภูดานไห ไม่มีกฐิน ไม่มีผ้าป่า ไม่มีเรี่ยไรแจกซองขาว อาศัยลูกศิษย์ลูกหากลุ่มเล็กๆ ช่วยกันทำ ช่วยกันสร้าง ตามความปรารภของครูบาอาจารย์ แม้กระทั่งงานพุทธศิลป์ต่างๆ ภายในวัด ท่านก็ได้ออกแบบ ทาสี และควบคุมการก่อสร้างทั้งหมดด้วยตัวท่านเอง
10 กว่าปี จากสถานที่ป่ารกร้าง แห้งแล้ง โทรมๆ มาบัดนี้ วัดภูดานไหเจริญขึ้นมาก ด้วยบารมีของ องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช และคนกลุ่มเล็กๆ เพียงเท่านั้น โดยช่างแกะสลักพระก็มีเพียง 2 คน เป็นพี่น้องกัน ส่วนงานพื้น งานเหล็ก งานปูน ก็มีช่างเพียงคนเดียว งานปั้นพระก็เป็นช่าง 2 พี่น้องเช่นกัน ช่างเหล่านี้ก็เป็นชาวบ้าน ชาวนา ถึงหน้านาก็ไปทำนา เสร็จจากนาก็มาร่วมกันสร้างวัด