วัดท้ายย่าน วัดพระนอน จังหวัดอ่างทอง เดิมเป็นวัดร้าง มีวิหารเก่าอยู่เพียงหลังเดียว ชาวบ้านท้ายย่านได้ร่วมกับหลวงปู่เทศบูรณะขึ้นใหม่ แล้วตั้งชื่อวัดตามชื่อบ้านท้ายย่าน แต่ไม่ทราบวันเดือนปีที่ชัดเจน ประชาชนส่วนใหญ่ในจังหวัดอ่างทองไม่เคยรู้ว่าวัดท้ายย่านมีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจังหวัดอ่างทอง เนื่องจากหลวงพ่อบุญ เจ้าอาวาสในอดีต ได้สร้างพระพุทธไสยาสน์เสร็จในปี 2537 แต่ปิดตายวิหารและไม่เปิดให้สักการบูชา กระทั่งหลวงพ่อมรณภาพไปในปีนั้น
ต่อมาพระครูมงคลสุทธิกิจ มาเป็นเจ้าอาวาสรูปใหม่ก็ไม่เปิดวิหารเช่นกัน จนมรณภาพอีกรูป โดยไม่มีใครทราบชัดเจนว่าภายในวิหารมีอะไร และเมื่อพระปลัดปิยะพันธ์ บูระกะโร ได้มาเป็นเจ้าอาวาส ก็พบว่าภายในวิหารมีพระนอนองค์ใหญ่ ทั้งยังพบรูปหล่อหลวงพ่อรอด อายุกว่า 100 ปี หลวงพ่อลาภ หลวงพ่อบุญ และหลวงพ่อทาน ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารด้วย จึงได้จัดประชุมคณะกรรมการวัดขึ้นเพื่อเปิดวิหารอย่างเป็นทางการ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาพระพุทธไสยาสน์ และเตรียมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป
ประวัติพระพุทธไสยาสน์ วัดท้ายย่าน วัดพระนอน
พระพุทธไสยาสน์ องค์พระห่อหุ้มด้วยผ้าไหมทอง ขนาดความยาว 18 วา 9 นิ้ว สูง 9 เมตร ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 สร้างโดยหลวงพ่อบุญ อดีตเจ้าอาวาส นำพุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธา สร้างเพื่อเป็นพุทธบูชา องค์พระก่ออิฐปูนปั้น เปลวพระเกศก่อด้วยโลหะทองเหลือง ระยะเวลาการก่อสร้าง 8 เดือน ใช้ทุนทรัพย์ 3,490,000 บาทเศษ ต่อมาดำเนินการสร้างวิหารครอบองค์พระใช้งบประมาณ 3,600,000 บาท เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี พ.ศ.2537 แต่วิหารพระนอนนั้นได้ถูกปิดมาตลอดตั้งแต่สร้างเสร็จ
พระนอนองค์นี้มีนามว่า พระพุทธไสยาสปุญญาภา มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในจังหวัดอ่างทอง รองจากพระนอนวัดขุนอินทประมูล และทำให้พระนอนวัดป่าโมกมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 เนื่องจากพระพุทธไสยาสปุญญาภามีขนาดใหญ่กว่า ในคำขวัญจังหวัดอ่างทอง วรรคหนึ่งกล่าวว่า เมืองสองพระนอน ซึ่งหมายถึงพระนอนวัดขุนอินทประมูล และพระนอนวัดป่าโมก แต่หลังจากมีการค้นพบพระพุทธไสยาสปุญญาภาองค์นี้แล้ว ก็มีการสนับสนุนให้เปลี่ยนคำขวัญเป็น เมืองสามพระนอน แต่ไม่ทราบชัดเจนว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่