สัปปุริสธรรม 7 หลักธรรมของสัตบุรุษ คุณสมบัติของคนดี

สัปปุริสธรรม 7

สัปปุริสธรรม 7 หลักธรรมของสัตบุรุษ คุณสมบัติของคนดี ธรรมของผู้ดี สัปปุริสธรรม 7 ประการ ประกอบด้วย

  1. ธัมมัญญุตา หมายถึง ผู้รู้จักเหตุ
  2. อัตถัญญุตา หมายถึง ผู้รู้จักผล
  3. อัตตัญญุตา หมายถึง ผู้รู้จักตน
  4. มัตตัญญุตา หมายถึง ผู้รู้จักประมาณ
  5. กาลัญญุตา หมายถึง ผู้รู้จักกาล
  6. ปริสัญญุตา หมายถึง ผู้รู้จักหมู่คน
  7. ปุคคลัญญุตา หมายถึง ผู้รู้จักบุคคล

การนำ สัปปุริสธรรม 7 ใช้ในชีวิตประจำวัน

การนำหลักธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวัน นับเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในปัจจุบันที่คนยุคใหม่เริ่มห่างไกลศาสนามากขึ้น เพราะมีความนับถือและศรัทธาในตัวเอง จึงอาจทำให้การคิดและตัดสินใจบางอย่างขาดสติ ขาดสมาธิ และขาดความรอบคอบ การมีธรรมะไว้สอนใจหรือเป็นแนวทางในการใช้ชีวิต จะช่วยให้มองเห็นข้อบกพร่องของตนเองมากขึ้น และมีการนำไปปรับปรุงแก้ไขและเดินไปในแนวทางที่ถูกต้อง เช่นการใช้ หลักสัปปุริสธรรม จะทำให้ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน ความหมายของหลักธรรนนี้ พร้อมแนวทางในการนำไปปฏิบัติ มีดังนี้

  1. ธัมมัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักเหตุ หมายถึง ความเป็นผู้รู้หลักความจริง รู้หลักการ รู้หลักเกณฑ์ รู้กฎเกณฑ์แห่งเหตุผล และรู้หลักการที่จะทำให้เกิดผล มีความเป็นผู้รู้ว่าสิ่งนี้เป็นเหตุของสิ่งนั้น หรือสิ่งนั้นเป็นเหตุของสิ่งนี้ ข้อนี้สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น เมื่อรู้ว่าหากอยากมีชีวิตที่มั่นคง หรือมีหน้าที่การงานที่ดี ก็รู้เหตุว่าควรต้องขยันหมั่นเพียรและตั้งใจทำงาน เป็นต้น
  2. อัตถัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักผล หมายถึง ความเป็นผู้รู้ถึงความมุ่งหมายและรู้จักผลที่จะเกิดขึ้น ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รู้จักผลที่จะเกิดขึ้นสืบเนื่องจากการกระทำ ว่าหากเราทำสิ่งใดจะเกิดผลแบบไหน ข้อนี้จะช่วยให้รู้ว่า การดำเนินชีวิตเพื่อประสงค์ประโยชน์อะไร หรือควรจะบรรลุผลอะไรที่ต้องการจากการกระทำ เช่น รู้ตัวว่าหากประพฤติปฏิบัติเช่นนี้ เมื่อทำไปแล้วจะเกิดผลเสียต่อตนเองและผู้อื่นอย่างไร
  3. อัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักตน หมายถึง ความเป็นผู้รู้จักฐานะ ภาวะ เพศ กำลังความรู้ ความสามารถ ความถนัด และคุณธรรมของตนเองว่ามีสภาพอย่างไร สามารถประเมินตนเองได้และประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสม ข้อนี้ทำให้มองตนเองว่าเป็นอย่างไร ต้องการอะไร และพยายามปรับให้อยู่ในความถูกต้องเหมาะสม เอาความรู้ความสามารถที่มีไปพัฒนาตนเองในสิ่งที่ต้องการ
  4. มัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณ หมายถึง ความรู้จักพอดีในสิ่งต่างๆ ทั้งการดำเนินชีวิต การบริโภคปัจจัยสี่ ให้เหมาะสม ไม่ฟุ้งเฟ้อ ตลอดจนถึงรู้จักความพอเหมาะในการพูดหรือการทำสิ่งต่างๆ ไม่นึกถึงเพียงการเอาแต่ใจตน แต่ทำตามความพอดี หากรู้จักประมาณย่อมเป็นที่สรรเสริญแก่บุคคล ซึ่งการใช้ชีวิตอย่างพอดีในทุกๆ ด้านนั้น จะนำมาความสุขมาให้ ไม่ทะเยอทะยานมากเกินไป จนอาจทำให้เกิดการกระทำความผิดตามมาได้ ซึ่งสิ่งนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและในเรื่องของการทำงาน
  5. กาลัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักกาล หมายถึง การรู้จักเวลาอันเหมาะสม และระยะเวลาที่จะต้องใช้ในการกระทำหน้าที่การงานต่างๆ เช่น รู้จักการแบ่งเวลา ทำงานให้ตรงเวลา และให้ทันเวลา เป็นต้น ข้อนี้ช่วยให้แบ่งเวลาในชีวิตให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือกิจการต่างๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม เพื่อให้เป็นระเบียบ รู้จักวางแผนในการทำงานและทำให้เสร็จทันตามเวลา นอกจากนี้ ยังควรแบ่งเวลามาศึกษาธรรมะหรือปฏิบัติธรรมอย่างเหมาะสม เพื่อสั่งสมบุญกุศล เช่น การสวดมนต์ทุกวัน เพื่อความเป็นสิริมงคล
  6. ปริสัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักชุมชน หมายถึง ความเป็นผู้รู้จักสิ่งอันควรในการประพฤติปฏิบัติในถิ่นที่ชุมนุม หรือในสังคมนั้นๆ ว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะเหมาะสมและสามารถเข้ากับสังคมนั้นได้ ข้อนี้นำมาใช้ในเรื่องของการเข้าสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมในการทำงาน หรือสังคมของชุมชนที่อยู่อาศัย รู้จักถึงวัฒนธรรมองค์กร หรือประเพณีท้องถิ่น เพื่อเรียนรู้ธรรมเนียมและปฏิบัติตนเองได้อย่างเหมาะสมและเข้ากับผู้คนได้
  7. ปุคคลปโรปรัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักบุคคล หมายถึง ความเป็นผู้รู้จักบุคคลและเข้าใจความแตกต่างว่ามีลักษณะนิสัยอย่างไร มีความสามารถด้านใด เพื่อรู้จักที่จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นๆ ว่าควรจะคบหาหรือไม่ จะแนะนำเขาอย่างไร อย่างเช่น หากเราเป็นเจ้านาย ควรรู้จักลูกน้องในที่ทำงาน รู้จักการมองคนให้ออก เพื่อแนะนำหรือสั่งสอนในเรื่องการงานได้อย่างเหมาะสม ว่าบุคคลไหนควรแนะนำอย่างไรจึงจะได้ผลดี เป็นต้น

หลักธรรมที่ควรรู้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *