วันอาสาฬหบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

วันอาสาฬหบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

วันอาสาฬหบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คำว่า อาสาฬหบูชา ย่อมาจาก อาสาฬหปูรณมีบูชา แปลว่า การบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย วันอาสาฬหบูชาได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา เนื่องจากมีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 45 ปีก่อนพุทธศักราช ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 คือวันอาสาฬหปุรณมีดิถี หรือวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ

ประวัติ วันอาสาฬหบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ได้แก่ พระโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นมคธ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 เรียกว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร ซึ่งหลังจากปฐมเทศนาหรือเทศนากัณฑ์แล้วเสร็จ เป็นเหตุให้ พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้บรรลุธรรม สำเร็จเป็นพระโสดาบัน จึงขอบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ พระพุทธเจ้าได้ประทานอุปสมบทให้ด้วยวิธี ที่เรียกว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา พระโกณฑัญญะจึงได้เป็น พระอริยสงฆ์รูปแรกในพระพุทธศาสนา และทำให้มีพระรัตนตรัยครบองค์ 3 คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ต่อมา พระวัปปะ, พระภัททิยะ, พระมหานามะ และพระอัสสชิ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม และได้อุปสมบทตามลำดับ

หลักธรรมสำคัญของการปฐมเทศนาในวันอาสาฬหบูชา

เนื่องด้วย วันอาสาฬหบูชา มีความเกี่ยวข้องกับพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรแรกที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงขึ้นครั้งแรกในวันอาสาฬหบูชา ใจความสำคัญของปฐมเทศนา มีหลักธรรมสำคัญอยู่ 2 ประการ ที่พุทธศาสนิกชนควรนำไปพิจารณาและทำความเข้าใจ ได้แก่

หลักธรรมที่ 1 มัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง

คือการปฏิบัติที่เป็นกลางและถูกต้องเหมาะสม ไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป โดยพระพุทธเจ้าทรงยกตัวอย่างการดำเนินชีวิตที่สุด 2 ด้าน ได้แก่

การประกอบตนให้ลำบากด้วยการทรมานกาย คือ บำเพ็ญตบะการทรมานตน หรือดำเนินชีวิตแบบก่อความทุกข์ให้ตนเอง เหนื่อยแรงกาย แรงสมอง แรงความคิด

การไม่ประกอบตนให้เพลิดเพลินในกามสุข มัวเมาในรูป รส กลิ่น เสียง

เพื่อละเว้นการดำเนินชีวิตที่เอนเอียง จึงต้องใช้หลักทางสายกลางในการดำเนินชีวิต ซึ่งมีหลักปฏิบัติ 8 ประการ เรียกว่า อริยอัฏฐังคิกมัคค์ หรือ มรรคมีองค์ 8 ได้แก่

  • สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ
  • สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ
  • สัมมาวาจา เจรจาชอบ
  • สัมมากัมมันตะ ทำการงานชอบ
  • สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ
  • สัมมาวายามะ เพียรชอบ
  • สัมมาสติ ระลึกชอบ
  • สัมมาสมาธิ ตั้งใจชอบ

หลักธรรมที่ 2 อริยสัจ 4 หรือความจริงอันประเสริฐ ซึ่งเป็นบุคคลที่ห่างไกลกิเลส ได้แก่

  • ทุกข์ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ
  • สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์
  • นิโรธ การดับทุกข์
  • มรรค ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์

การถือปฏิบัติกิจกรรมในวันอาสาฬหบูชา ที่ชาวพุทธนิยม

พิธีวันอาสาฬหบูชา เริ่มกำหนดเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2501 และได้มีประกาศสำนักสังฆนายก กำหนดระเบียบปฏิบัติในพิธีอาสาฬหบูชาขึ้นไว้ให้วัดทุกวัดถือเป็นหลักปฏิบัติโดยทั่วกัน อย่างไรก็ตาม วันอาสาฬหบูชาถือเป็นวันสำคัญที่กำหนดให้กับวันหยุดของรัฐในประเทศไทยเท่านั้น ส่วนในต่างประเทศที่นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทอื่นๆ ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันอาสาฬหบูชาเทียบเท่ากับวันวิสาขบูชา

กิจกรรมในวันอาสาฬหบูชาแบ่งเป็นกิจกรรมของพระภิกษุสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน โดยพระภิกษุสงฆ์เตรียมจัดกิจกรรมที่วัด รวมถึงแสดงพระธรรมเทศนาธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ตามที่พระพุทธเจ้าเคยแสดงธรรมแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5

ส่วนกิจกรรมของชาวพุทธ มีทั้ง ทำบุญตักบาตรในช่วงเช้าและตลอดวันก็จะมีการบำเพ็ญกุศล เช่น ตั้งใจรักษาศีล 5 ศีล 8 งดเว้นการทำบาปทั้งปวง ทำบุญถวายสังฆทาน ปล่อยนกปล่อยปลา ฟังพระธรรมเทศนา รวมถึงการเวียนเทียนรอบพระอุโบสถในช่วงเย็น

ก่อนเริ่มทำการเวียนเทียน พุทธศาสนิกชนจะร่วมกันกล่าวบทสวดมนต์และคำบูชาในวันอาสาฬหบูชา โดยบทสวดมนต์ที่พระสงฆ์นิยมสวดก่อนเริ่มการเวียนเทียน มีดังนี้ 

  1. บทบูชาพระรัตนตรัย
  2. บทนมัสการนอบน้อมบูชาพระพุทธเจ้า
  3. บทสรรเสริญพระพุทธคุณ
  4. บทสรรเสริญพระพุทธคุณ สวดทำนองสรภัญญะ
  5. บทสรรเสริญพระธรรมคุณ
  6. บทสรรเสริญพระธรรมคุณ สวดทำนองสรภัญญะ
  7. บทสรรเสริญพระสังฆคุณ
  8. บทสรรเสริญพระสังฆคุณ สวดทำนองสรภัญญะ
  9. บทสวดพระธรรมจักกัปปวัตตนสูตร
  10. บทสวดบูชาเนื่องในวันอาสาฬหบูชา

เมื่อสวดจบแล้วจะมีการจุดธูปเทียนและถือดอกไม้เป็นเครื่องสักการบูชา จากนั้นจึงเดินเวียนรอบปูชนียสถาน 3 รอบ โดยในขณะที่เดินพึงตั้งจิตให้สงบ พร้อมสวดระลึกถึงพระพุทธคุณด้วยการสวดบท อิติปิโส (รอบที่หนึ่งระลึกถึงพระธรรมคุณด้วยการสวด สวากขาโต (รอบที่สองและระลึกถึงพระสังฆคุณด้วยการสวด สุปะฏิปันโน (รอบที่สามจนกว่าจะเวียนครบ 3 รอบ เมื่อเดินเวียนครบแล้วให้นำธูปเทียน ดอกไม้ไปบูชาตามปูชนียสถานจึงเป็นอันเสร็จพิธี

หลักธรรมที่ควรรู้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *